วิธีซ่อมแซม WMI

หมายเหตุ: คุณสามารถชี้ที่คำสั่งในหน้าเว็บนี้เพื่อคลุมดำอัตโนมัติได้
  1. ดาวน์โหลดไฟล์ wmi.zip และแตกไฟล์
  2. คลิกขวาไฟล์
    wmi.bat
    (สัญลักษณ์หน้าต่างฟันเฟือง) แล้วเลือก Run as administrator
  3. รอให้คำสั่งบนหน้าจอสีดำประมวลผลเสร็จสิ้น หรือหายไปจากจอ
  4. รีสตาร์ทเครื่อง

    หากการตรวจสอบ Origin กลับมาใช้งานได้ ไม่จำเป็นต้องทำขั้นตอนด้านล่างนี้อีกแล้ว
  5. กดปุ่ม Start
  6. พิมพ์
    cmd
    ให้ขึ้นคำว่า Command Prompt > คลิกขวาแล้วเลือก Run as administrator
  7. จะได้หน้าจอสีดำชื่อ Administrator: Command Prompt ขึ้นมา
  8. ให้คัดลอก (Copy) คำสั่งนี้ แล้วคลิกขวาบนพื้นที่หน้าจอสีดำเพื่อวาง (Paste)
    winmgmt /verifyrepository


    จากนั้นกดปุ่ม Enter ⏎

    หากขึ้นข้อความว่า
    WMI repository is consistent


    แปลว่าปัญหาเกิดที่จุดอื่น ไม่จำเป็นต้องทำขั้นตอนด้านล่างนี้อีกแล้ว
  9. ให้คัดลอก (Copy) คำสั่งนี้ แล้วคลิกขวาบนพื้นที่หน้าจอสีดำเพื่อวาง (Paste) ย้อนไปดูรูปวิธีคลิกขวา
    winmgmt /salvagerepository
    จากนั้นกดปุ่ม Enter ⏎
  10. ให้คัดลอก (Copy) คำสั่งนี้ แล้วคลิกขวาบนพื้นที่หน้าจอสีดำเพื่อวาง (Paste) ย้อนไปดูรูปวิธีคลิกขวา
    winmgmt /verifyrepository
    จากนั้นกดปุ่ม Enter ⏎

    หากขึ้นข้อความว่า
    WMI repository is consistent


    แปลว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำขั้นตอนด้านล่างนี้อีก
  11. ให้คัดลอก (Copy) คำสั่งนี้ แล้วคลิกขวาบนพื้นที่หน้าจอสีดำเพื่อวาง (Paste) ย้อนไปดูรูปวิธีคลิกขวา
    winmgmt /resetrepository
    จากนั้นกดปุ่ม Enter ⏎
  12. ให้คัดลอก (Copy) คำสั่งต่อไปนี้ แล้วคลิกขวาบนพื้นที่หน้าจอสีดำเพื่อวาง (Paste) ทีละคำสั่ง ตามลำดับบน-ล่างให้ถูกต้อง
    โดยหลังจากวางคำสั่งลงบนจอแล้ว ให้กดปุ่ม Enter ⏎ ตามทุกครั้ง
    • cd C:\Windows\System32\wbem
    • net stop winmgmt
      * หากมีคำถาม
      Do you want to continue...
      ขึ้นมาแทรก ให้พิมพ์ y แล้วกดปุ่ม Enter ⏎ *
    • rename Repository Repository.old
    • rmdir Repository /S
    • net start winmgmt
    • tasklist
      * คำสั่งนี้จะใช้เวลาพอสมควร ให้รอจนกว่าจะขึ้นให้พิมพ์คำสั่งได้อีกครั้ง *
    • for /f %s in ('dir /b *.mof *.mfl') do mofcomp %s